พีดีไอให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนธุรกิจให้ยั่งยืน จึงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อปกป้อง ลดผลกระทบและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
กลยุทธ์การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของพีดีไอในปี 2559 มีความสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ขององค์กรในช่วงการปรับเปลี่ยนธุรกิจ ดังนี้
- บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้านอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
- ประเมินความเสี่ยงและผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการยุติธุรกิจสังกะสี เพื่อบริหารจัดการอย่างเหมาะสมและเป็นไปตามกฎระเบียบของราชการ
- ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโครงการธุรกิจใหม่เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและ ลดผลกระทบและความเสี่ยงต่อชุมชน
ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
ในปี 2559 พีดีไอบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในทุกพื้นที่ปฏิบัติการเป็นไปตามแผนงานและเป้าหมาย ซึ่งดำเนินการอย่างสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและตามข้อกำหนดของราชการในทุกกระบวนการทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติงานของพีดีไอไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนรอบข้างและเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ ได้แก่ การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน การอนุรักษ์พลังงาน การติดตามและประเมินคุณภาพดิน น้ำ อากาศ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการของเสีย
การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
พีดีไอได้พัฒนาคุณภาพแร่สังกะสีจากที่มีเนื้อโลหะสังกะสีต่ำกว่าร้อยละ 9 ให้เป็นหัวแร่ที่มีเนื้อโลหะสังกะสีสูงถึงร้อยละ 46 โดยผ่านกระบวนการลอยแร่ ทั้งนี้เพื่อใช้แร่อย่างคุ้มค่า โดยเป็นแร่จำนวนสุดท้ายที่จะส่งป้อนโรงถลุงสังกะสี
การอนุรักษ์พลังงาน
ในปี 2559 พีดีไอใช้พลังงานรวมทั้งสิ้น 1,556,947 กิกะจูล โดยเป็นพลังงานไฟฟ้า 1,170,276 กิกะจูล และพลังงานความร้อนจากเชื้อเพลิง 386,671 กิกะจูล ลดลงจากปี 2558 จำนวน 22,769 กิกะจูล เนื่องจากการหยุดกระบวนการล้างแร่สังกะสีออกไชด์ที่โรงงานระยอง ขณะที่โรงงานตากมีการใช้พลังงานรวมลดลง ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงอัตราค่าไฟฟ้าสูง (on-peak rate) ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิตของโรงงาน
ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการติดตามและประเมินผลคุณภาพดิน น้ำและอากาศ
รวมทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการจัดการของเสียให้เป็นไปตามเกณฑ์ทั้งด้านเทคนิคและมาตรฐานการประเมินผลซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง
คุณภาพอากาศที่ปล่องควัน
ปล่องควัน | สำนักงาน | พารามิเตอร์ | หน่วย | มาตรฐาน | ผลตรวจวัดปี 2559 |
กระบวนการผลิตกรดกำมะถัน | พีดีไอ-ตาก | ก๊าซชัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) | ส่วนในล้านส่วน | ไม่เกิน 500 | 2361 |
กระบวนการผลิตแคลไซน์ | พีดีไอ-ระยอง | ก๊าซชัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) | ส่วนในล้านส่วน | ไม่เกิน 500 | 1552 |
หม้อไอน้ำ (Coal fired boiler) | พีดีไอ-ตาก | ก๊าซชัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) | ส่วนในล้านส่วน | ไม่เกิน 700 | 1271 |
พีดีไอ-ตาก | ฝุ่นรวมทั้งหมด (Total suspended particulate) | มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร | ไม่เกิน 320 | 2111 | |
เตาหลอมโลหะสังกะสี | พีดีไอ-ตาก | ฝุ่นรวมทั้งหมด (Total suspended particulate) | มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร | ไม่เกิน 400 | 11.501 |
หมายเหตุ : 1. ตรวจวัดโดย บริษัท บริษัท เอส.พี.เอส. คอนซัลติ้ง เซอร์วิส จำกัด
2. ตรวจวัดโดย บริษัท อีสเทิร์นไทยคอนซัลติ้ง 1992 จำกัด
คุณภาพอากาศในบรรยากาศ
พารามิเตอร์ | สำนักงาน | หน่วย | มาตรฐาน | ผลตรวจวัดปี 2557 |
ก๊าซชัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) | พีดีไอ-ตาก | มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร | ไม่เกิน 0.30 | 0.011 |
ก๊าซชัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) | พีดีไอ-ระยอง | ส่วนในล้านส่วน | ไม่เกิน 0.30 | 0.022 |
ฝุ่นรวมทั้งหมด(TSP)ห | พีดีไอ-ตาก | มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร | ไม่เกิน 0.33 | 0.059 |
ฝุ่นรวมทั้งหมด(TSP) | พีดีไอ-ระยอง | มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร | ไม่เกิน 0.33 | 0.016/td> |
ฝุ่นรวมทั้งหมด(TSP) | พีดีไอ-แม่สอด | มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร | ไม่เกิน 0.33 | 0.040-0.289 |
ฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า10 ไมครอน(PM-10) | พีดีไอ-แม่สอด | มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร | ไม่เกิน 0.12 | 0.017-0.098 |
หมายเหตุ : 1. มาตรฐานก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในบรรยากาศ เฉลี่ย 24 ชั่วโมง
2. มาตรฐานก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในบรรยากาศ เฉลี่ย 1 ชั่วโมง
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การระบายก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่ของพีดีไอเกิดจากการใช้พลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนจากเชื้อเพลิงต่างๆ ในกระบวนการถลุงโลหะสังกะสี ในปี 2559 พีดีไอปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด 219,529 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ลดลงจากปี 2558 จำนวน 2,066 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือลดลงร้อยละ 1
น้ำใช้
พีดีไอมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยลดการสูญเสียและนำกลับมาใช้ใหม่ทั้งการใช้น้ำในอาคารและในกระบวนการผลิตโรงงานตากและโรงงานระยอง ส่วนการบริหารจัดการน้ำของเหมืองแม่สอดจะเป็นการจัดการน้ำฝนที่ไหลผ่านพื้นที่กิจกรรมทำเหมืองเป็นหลัก
คุณภาพน้ำของโรงงาน
ในปี 2559 พีดีไอมีปริมาณการใช้น้ำในโรงงานรวม 1.68 ล้านลูกบาศก์เมตร และร้อยละ 47 สามารถนำกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตและในพื้นที่อื่นๆ
สำหรับน้ำทิ้งที่บำบัดแล้วจะผ่านการตรวจสอบคุณภาพให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ดังแสดงในตาราง
พารามิเตอร์ | หน่วย | มาตราฐาน | พีดีไอ-ตาก | พีดีไอ-ระยอง |
ความเป็นกรด ด่าง (pH) | - | 5.5 - 9 | 7.57 | 7.74 |
สังกะสี (Zn) | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 5 | 0.21 | 0.43 |
แคดเมียม (Cd) | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 0.03 | 0.005 | < 0.001 |
แมงกานีส (Mn) | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 5 | 0.39 | - |
ตะกั่ว (Pb) | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 0.2 | 0.005 | 0.004 |
อาร์เซนิก (As) | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 0.25 | 0.007 | 0.125 |
ปรอท (Hg) | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 0.005 | 0.0007 | 0.0034 |
การบริหารจัดการน้ำของเหมืองแม่สอด
เหมืองแม่สอดเป็นเหมืองเปิดแบบขั้นบันไดและไม่มีการใช้น้ำในกระบวนการทำเหมือง แต่พีดีไอให้ความสำคัญกับการจัดการน้ำฝนตามธรรมชาติที่ไหลผ่านพื้นที่กิจกรรมการทำเหมืองและต้องไหลลงสู่บ่อกักเก็บตะกอนตามมาตรฐานการทำเหมืองที่กำหนดไว้ในแผนผังโครงการทำเหมืองแร่และมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งจัดการน้ำให้ใสโดยอ้างอิงตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนระบายออกสู่ธรรมชาติ
บ่อกักเก็บตะกอนในพื้นที่โครงการฯ มีทั้งสิ้น 11 บ่อ สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนในแต่ละพื้นที่ได้ทุกกรณี พีดีไอยังนำน้ำฝนที่กักเก็บไว้มาใช้ในการกระบวนการลอยแร่ซึ่งเป็นระบบปิด (Close System) โดยไม่มีการปล่อยน้ำที่ผ่านกระบวนการลอยแร่ออกสู่ภายนอก แต่จะหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ซึ่งเป็นการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ในปี 2559 ผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้งของเหมืองแม่สอดอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานดังแสดงในตาราง
พารามิเตอร์ | หน่วย | มาตรฐาน1 | จุดระบายน้ำ | |||
A4 | B3 | C12 | D3 | |||
ความเป็นกรด ด่าง (pH) | - | 5.5 - 9 | 7.37 - 7.86 | 7.88 - 8.41 | - | 7.83 - 8.28 |
ของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Suspended Solids: SS) | มิลลิกรัมต่อลิตร | < 50 | 2.4 - 11.1 | 2.9 - 27.4 | - | 2.0 - 13.7 |
ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (Total Dissolved Solid: TDS) | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 3,000 | 104 - 160 | 504 - 816 | - | 122 - 252 |
สังกะสี | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 5 | 0.05 - 0.09 | <0.01 - 0.58 | - | 0.02 - 0.33 |
แคดเมียม | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 0.03 | < 0.01 | < 0.01 - 0.01 | - | < 0.01 - 0.01 |
ตะกั่ว | มิลลิกรัมต่อลิตร | ไม่เกิน 0.2 | < 0.05 | < 0.05 - 0.18 | - | < 0.05 |
หมายเหตุ : 1. มาตรฐานอ้างอิงจาก มาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งกระทรวงอุตสาหกรรม
2. ไม่มีการระบายน้ำออกสู่ธรรมชาติ
การจัดการกากของเสียอุตสาหกรรม
พีดีไอจัดการกากของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องตามหลักวิชาการและแนวปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้หลักการ 3 Rs โดยกากของเสียจะถูกคัดแยกเพื่อสะดวกและปลอดภัยในการจัดการ รวมทั้งการนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อลดปริมาณของเสียและลดการใช้ทรัพยากรในอนาคต
ในปี 2559 มีปริมาณกากของเสียจำนวน 613,456 ตัน โดยร้อยละ 99.73 หรือจำนวน 611,782 ตัน เป็นกากแร่ซึ่งผ่านกระบวนการบำบัดตามมาตรฐานและมีสภาพที่เสถียรแล้วจึงนำไปฝังกลบในบ่อเก็บกากแร่ของโรงงานตากที่ออกแบบและก่อสร้างตามข้อกำหนดของกรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำหรับของเสียอันตรายจำนวน 1,459 ตัน หรือร้อยละ 0.24 นำไปฝังกลบโดยหน่วยงานภายนอกที่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม มีของเสียที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่จำนวน 33 ตัน ส่งขายให้ผู้รับชื้อที่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนขยะมูลฝอยทั่วไปมีปริมาณ 164 ตัน นำไปฝังกลบในหลุมฝังกลบตามหลักสุขาภิบาล
ประเมินความเสี่ยงและผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการยุติธุรกิจสังกะสี
พีดีไอมั่นใจว่า การยุติการผลิตสังกะสีในกระบวนการผลิตแบบเดิมจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้างในทุกพื้นที่ปฏิบัติการของพีดีไอ ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดในทุกพื้นที่ พร้อมทั้งมีการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อยุติการผลิตแร่ที่เหมืองแม่สอดในช่วงกลางปี 2559 พีดีไอได้ดำเนินงานฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่เหลือให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยปกป้องการชะล้างพังทลายของหน้าดินและสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กลับคืนสู่ป่า โดยบ่อกักเก็บตะกอนที่รองรับน้ำฝนจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ต่อไป สำหรับพื้นที่บ่อกักเก็บตะกอนหางแร่จะถูกฝังกลบตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ราชการกำหนดไว้ พร้อมทั้งปลูกไม้ยืนต้นเต็มพื้นที่ดังกล่าว สร้างสีสันแห่งธรรมชาติเมื่อสถานที่แห่งนี้ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศต่อไป
สำหรับโรงงานระยองเมื่อปิดดำเนินการในปลายปี 2559 พีดีไอคาดว่าจะใช้เวลาครึ่งปีในการย้ายเครื่องจักร พร้อมทั้งทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของราชการและเป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
นำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดต่อการปกป้อง
ลดผลกระทบและลดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนมาใช้ในโครงการธุรกิจใหม่
พีดีไอให้ความสำคัญต่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีสะอาดมาใช้โครงการธุรกิจใหม่เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมหรือสร้างผลกระทบน้อยที่สุด
โครงการร่วมลงทุน พีดีไอ-ซีอาร์ที ได้ใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ใช้อุณหภูมิสูงมากเป็นพิเศษ หรือ Ultra-high-temperature จากประเทศสวีเดน สามารถสกัดสังกะสีและโลหะอื่นๆ ออกจากกากอุตสาหกรรมและเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่มีการนำมาใช้ในเอเชีย